(7 มี.ค. 68) ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ – ฝ่ายวิจัยนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการส่งเสริมการผลิตและการใช้ออโตจีนัสวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ในระดับอุตสาหกรรม : กรณีศึกษานำร่องในสุกร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. โดยมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ รวมกว่า 50 ท่าน
ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ รักษาการรองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของออโตจีนัสวัคซีน ทั้งในประเด็นการป้องกันความสูญเสียจากโรคระบาด เนื่องจากออโตจีนัสวัคซีน (autogenous vaccine) เป็นวัคซีนที่พัฒนาจากการเก็บเชื้อก่อโรคสำคัญที่เป็นแบคทีเรียหรือไวรัสสายพันธุ์ไทยที่เป็นต้นเหตุจากฟาร์มที่มีการระบาด และนำวัคซีนกลับไปใช้ ณ ฟาร์มนั้น ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้ดีกว่าวัคซีนที่นำเข้าและผลิตมาจากเชื้อที่เป็นสายพันธุ์ของต่างประเทศ ประกอบกับสถานการณ์เชื้อดื้อยาปฏิชีวนะที่รุนแรงมากขึ้นและเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะเป็นจำนวนมาก การใช้วัคซีนจึงเป็นทางออกที่สำคัญในการลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
คุณปิยธิดา ถิระรณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงานวิจัย สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ได้กล่าวเปิดการประชุมฯ และเน้นย้ำความสำคัญของออโตจีนัสวัคซีนในอุตสาหกรรม ปศุสัตว์และการให้ความสำคัญในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อยกระดับการพัฒนาพัฒนากระบวนการผลิตของสินค้าเกษตรซึ่งครอบคลุมถึงกลุ่มสัตว์เศรษฐกิจ
นางสาวนุชจรี พิสมัย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หัวหน้าโครงการฯ ได้นำเสนอสถานภาพ ศักยภาพการผลิต การใช้ประโยชน์ออโตจีนัสวัคซีนในระดับอุตสาหกรรม โอกาสทางการตลาด การประเมินความสามารถในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตระดับขยายขนาดของประเทศไทย และจัดทำแนวทาง รวมถึงกลไกส่งเสริมการผลิตออโตจีนัสวัคซีนในระดับอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ออโตจีนัสวัคซีนเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดสำคัญในสุกรของประเทศไทย
ในการประชุมดังกล่าวผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สมาคมธุรกิจเวชภัณฑ์สัตว์ สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย ภาคเอกชน และตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการนำไปปรับปรุงให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในโครงการฯ มีความครอบคลุมและชัดเป็นรูปธรรมต่อไป
